การสอนภาษาอังกฤษ ที่เรียนกันโดยทั่วไปก็คือ การเรียนอ่านแบบท่อง A B C D ... เอ แอ้นท์ มด, บี บอย เด็กผู้ชาย ซี แคท แมว การท่องศัพท์ จำแกรมม่า ฯลฯ ซึ่งเป็นการสอนที่เน้นให้เด็กท่องจำ แต่ขาดการคิดตามเพื่อให้เกิดความเข้าใจและเกิดความคิดเชื่อมต่อ”
การสอนระบบ Phonics (โฟนิคส์) คือการสอนความสัมพันธ์ของเสียงกับตัวอักษร และนำหลักการถอดรหัสคำมาใช้ เพื่อการอ่าน เขียน สะกดคำต่างๆ ในภาษาอังกฤษอย่างเป็นระบบ ตามลำดับขั้นตอน เพื่อให้สามารถอ่าน ออกเสียงได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน ด้วยความมั่นใจ จะเห็นได้ว่าเมื่อเด็กสามารถแยกแยะหน่วยเสียงได้ จะทำให้ฟังได้ง่ายขึ้นเมื่อฟังเจ้าของภาษาพูดหรือสนทนา (Listening) และเมื่อเข้าใจที่พูดก็จะสามารถโต้ตอบได้ (Speaking) และเมื่อพบคำใหม่ ก็ใช้จะหลักแยกแยะหน่วยเสียงอ่านได้ (Reading) ซึ่งเมื่อสามารถอ่านได้ก็จะสามารถเขียนคำตามที่อ่านได้ (Spelling และ Writing) นั่นเอง
นอกจากนั้นยังมีผลสรุป งานวิจัยด้านการเรียนรู้ทางด้านสมอง (Brain-based learning /Neuron-scientific research) ของมหาวิทยาลัยเยล ที่ได้ทำการสแกนสมองของผู้เรียนภาษาอังกฤษด้วยวิธีการแบบโฟนิกส์ กับวิธีการสอนแบบดั้งเดิม สรุปไว้ว่า วิธีการสอนแบบโฟนิกส์นั้น ช่วยกระตุ้นเซลล์สมอง ทำให้มีการสร้างเส้นใยสมองใหม่ ทั้งทำให้เส้นใยสมองเดิมแตกตัวและเบ่งบานอย่างถาวร มีผลทำให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางด้านการเรียนภาษาอังกฤษสูง เมื่อเปรียบเทียบกับการสอนด้วยวิธีอื่นๆ